ดูหนัง Cemetery of Splendor (2015) รักที่ขอนแก่น 2015
ดูหนัง Cemetery of Splendor (2015) รักที่ขอนแก่น 2015 หลังจากที่เคยส่งภาพยนตร์เรื่อง Cemetery of Splendour (รักที่ขอนแก่น) ไปชิงรางวัลสาย Un Certain Regard (ภาพยนตร์ที่น่าจับตามอง) ufabet
ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 68 ซึ่งก็ไม่ได้รางวัลกลับมา แต่ยังคงมีการพูดถึงกันอยู่เรื่อยๆในวงการภาพยนตร์ไทย ล่าสุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงใน 2 สาขารางวัลคือ Best Feature Film และ Achivement In Directing (ผู้กำกับยอดเยี่ยม)
ในงาน Asia Pacific Screen Award ครั้งที่ 9 (APSA 2015) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย โดยรางวัล Asia Pacific Screen Award เป็นรางวัลทางด้านภาพยนตร์ที่ ร่วมกับยูเนสโก ซึ่งเกณฑ์หนึ่งคือการพิจารณาความหลายทางวัฒนธรรมผ่านภาพยนตร์
ซึ่งคัดเลือกหนังจาก 70 ประเทศซึ่งอยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกและเอเชียและยังเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลหนังเอเชียแปซิฟิกเมืองบริสเบน 2015 อีกด้วย ซึ่ง “Cemetery of Splendour” มีชื่อเข้าชิงใน 2 สาขา และคว้ามาได้ 1 สาขา คือ Best Feature Film (ภาพยนตร์เล่าเรื่องยอดเยี่ยม)
ชนะหนังที่เข้าชิงด้วยกันอย่าง The Assassin ของ โหวเซี่ยวเชี่ยน หรือ Journey to the Shore ของ คิโยชิ คุโรซาว่า มาได้สำเร็จ ส่วนอีกสาขาที่ “รักที่ขอนแก่น” ได้เข้าชิงคือ Achivement In Directing (ผู้กำกับยอดเยี่ยม)
ซึ่งก็ตกเป็นของผกก. ชาวรัสเซีย อเล็กเซ เจอร์แมน จูเนียร์ (Alexey German Jr) จาก Under Electric Clouds
โดย เจ้ย อภิชาติพงศ์ ถือว่าเป็นคนไทยคนที่สองที่ได้รางวัลบนเวทีนี้ ถัดจาก อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ จากเรื่อง “สวรรคบ้านนา”
ที่ได้ในสาขา UNESCO Award เมื่อปี 2009 Cemetery of Splendour ชื่อไทย รักที่ขอนแก่น ปีที่ออกฉาย 2015
MovieHD ดูหนังออนไลน์ ดูหนัง หนังไทย หนังฝรั่ง หนังการ์ตูน หนัง18+ หนังเอเชีย ซีรี่ย์เกาหลี Movie HD หนังชนโรง เลือกชมภาพยนต์เรื่องอื่นๆ ขุนบันลือ ได้อีกมากมาย ที่ หมวด หนังไทย สุดยอดภาพยนต์ออนไลน์คุณภาพจาก เรา SLOTXO
เนื้อหาบางส่วนของบทวิจารณ์นี้ถูกตัดออกเนื่องจากข้อกังวลทางกฎหมาย
ภาพยนตร์เรื่อง ‘รักที่ขอนแก่น’ (Cemetery of Splendour – ไม่มีการเผยแพร่หรือจัดจำหน่ายในประเทศไทย) เป็นจดหมายรักที่อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล จ่าหน้าซองถึงจังหวัดภูมิลำเนาของตนเอง และยังเป็นถ้อยแถลงทางการเมืองอันแยบยลที่เค้นคั้นจากความขมขื่นของความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลวงกรุงเทพกรุงไทยและภาคอีสาน
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือ เจ้ย เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยที่มีชื่อเสียง โดยได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์จากเรื่อง ‘ลุงบุญมีระลึกชาติ’ เมื่อปี 2553 ผลงานล่าสุดของเขาเรื่อง ‘รักที่ขอนแก่น’ ก็ได้เข้าฉายในสาขา Un Certain Regard ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อปีที่ผ่านมา
‘รักที่ขอนแก่น’ บอกเล่าเรื่องราวของป้าเจน (เจนจิรา พงศ์พัศ) หญิงวัยกลางคนที่ขาข้างหนึ่งมีปัญหา เธอที่ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลเฉพาะกิจแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นโรงเรียนประจำชุมชนมาก่อน ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ล้วนเป็นนายทหารหนุ่มที่ต่างนอนหลับใหลบนเตียงด้วยอาการของโรคหลับแบบไม่มีสาเหตุ เก่ง (จรินทร์ภัทรา เรืองรัมย์) ร่างทรงผู้มีญาณพิเศษบอกป้าเจนว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือเขตพื้นที่พระราชวังแห่งยุคโบราณ วิญญาณกษัตริย์นักรบที่เคยอาศัยอยู่ในพระราชวังเหล่านี้ก็ยังญาดกันไปมาบ่ได้เซา จึงได้มาดูดเอาพลังจากร่างของทหารซุมนี้เพื่อทำการศึกต่อไป ร่างเจ้าแม่ประจำศาลเจ้าจำแลงกายเป็นหญิงสาวรูปงามสองคน เก่งทำหน้าที่เป็นร่างทรงให้ทหารหนุ่มนามว่าอิฐ (บัลลพ ล้อมน้อย) ซึ่งยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเฉพาะกิจ ฮูปเงาเรื่องนี้นำเสนอภาพแห่งห้วงอดีตและอนาคต วิญญาณและเรื่องรักโรแมนติกที่เดินทางข้ามวัฒนธรรมและข้ามภพข้ามชาติ ที่ต่างซ้อนทับกันเป็นเรื่องเดียวท่ามกลางภาพผืนป่าโปร่งในเมืองขอนแก่น
อภิชาติพงศ์นำเสนอ “สัจนิยมมหัศจรรย์แบบอีสาน” (Isaan-ese Magical Realism – การฉายภาพความจริงอย่างสามัญผ่านปรากฏการณ์เหนือจริงแบบอีสาน) เส้นแบ่งระหว่างโลกของคนเป็นกับโลกของวิญญาณพร่าเลือนไป กฎเกณฑ์ทางตรรกะวิทยาศาสตร์ต้องชิดซ้ายเมื่อเทียบกับพลังบังคับบัญชาของกษัตริย์โบราณและสุสานเจ้าที่แรง
เก่งมีญาณวิเศษและสามารถสื่อสารกับวิญญาณทหารนิทราที่ถูกกักขังอยู่ภายใต้ในร่างอันหลับใหล เธอทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้เหล่าญาติผู้ป่วยนิทราได้ถามคำถามต่างๆ เช่น “อยากกินอีหญัง?” หรือ “สิทาสีครัวใหม่เป็นสีใดดีล่ะ?” ภาพดังกล่าวสื่อถึงโลกของภูตผีที่ได้ร้อยรัดเข้ากับโลกสามัญ
ตอนป้าเจนกราบไหว้บูชาศาลเจ้าแม่แถวบ้านเพื่อขอพร โดยเธอเสนอถวายรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ขนาดจิ๋วไม่กี่ตัว ภาพนี้คนไทยคงเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่คนต่างชาติคงเห็นเป็นของแปลกแต่ก็เข้าใจได้ ผิดกันกับยามเจ้าแม่กลายร่างมาเป็นมนุษย์เดินดินใส่เสื้อผ้าคือคนธรรมดา (“ปกติหมู่เฮากะบ่ได้แต่งโตแต่งหน้าแบบนี้ดอก”) บัดนั้นความเชื่องมงายก็ข้ามไปสู่ปริมณฑลของความเป็นจริงและความมหัศจรรย์
เวลาที่ดำเนินไปในหนังเรื่องนี้ก็ดูบิดเบี้ยวไม่เป็นเส้นตรง เมื่อเก่งทำหน้าที่เป็นร่างทรงของอิฐให้กับป้าเจน อิฐที่อยู่ในร่างของเก่งได้พาป้าเจนเดินไปยังพื้นป่าโปร่งอันแห้งแล้งและรกร้าง พลางเล่าถึงภาพพระราชวังในในอดีต เช่นว่าโถส้วมนั้นทำมาหินอ่อนสีชมพูและอ่างสรงทำจากหยก การบอกเล่าภาพของสถานที่แห่งนี้ที่เคยเป็นเปรียบเสมือนการโหยหาซึ่งอดีตอันรุ่งโรจน์ของอีสาน ซึ่งตอนนี้ “มองไปทางไหนก็มีแต่ทุ่งนา” อิฐที่อยู่ในร่างของเก่งกล่าว
ถ้าพื้นที่สักแห่งยังสามารถมีเจ้าแม่เทพธิดาและวิญญาณสิงสู่อยู่ได้เป็นพันๆ ปี ความรุ่งโรจน์ที่ผ่านไปแล้วก็ย่อมสามารถอยู่ในความจำของผู้ที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเช่นกัน ตามที่ปรากฎในภาพยนตร์เรื่องนี้อภิชาติพงศ์ได้นำเสนอภาพแห่งห้วงกาลเวลาที่มีลักษณะแบบไทย แบบพุทธ หรือจะเรียกว่าแบบศาสนาผีก็ได้ นั่นคือ เวลาไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงเหมือนกับที่ชาวตะวันตกรับรู้ ทว่าเวลาเป็นวัฏจักร คล้ายจะบอกว่าการหมุนเวียนจากวังอันโออ่ามโหฬารสู่ผืนดินอันเปล่าเปลี่ยวรกร้างนั้นเป็นเพียงภาวะของความไม่เที่ยง และมุมมองว่าเวลาเป็นวัฏจักรนี้ยังส่งสารอันไม่น่าอภิรมย์สะท้อนไปถึงเรื่องการเมืองได้อย่างแยบยลว่า ในเมื่ออำนาจของกษัตริย์ในยุคโบราณต่างก็พังทลายเหลือแค่ผืนดินว่างเปล่า ไฉนเลยระบอบการปกครองปัจจุบันจะไม่พังทลายลงเช่นเดียวกันได้
ภาวะของความไม่เสถียรของผู้มีอำนาจปรากฏชัดที่สุดครั้งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพฉากโรงหนังแห่งหนึ่งที่กำลังฉายหนังสยองขวัญที่ดูแปลกแต่ก็น่าขันและฉากห้างสรรพสินค้าที่มีบันไดเลื่อนและแสงไฟนีออนจัดวางอย่างน่าพิศวงดูเหมือนเขาวงกต ห้างสรรพสินค้าสไตล์กรุงเทพฯ ที่ปรากฎอยู่ในขอนแก่น คือวิหารละลานตาของระบอบทุนนิยมที่พยายามสะกดบรรดาผู้ชมภาพยนตร์ไว้ด้วยเสียงกรีดร้องแห่งห้วงอารมณ์ล้นเอ่อบนจอเงิน เพื่อที่ว่าเมื่อหนังจบ ผู้ชมทั้งหลายเหล่านั้นจะได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เดินออกจากโรงภาพยนตร์อย่างว่าง่าย
แต่สิ่งที่ปรากฎเห็นอยู่เหนือแถวที่นั่งนั้นกลับเป็นอะไรที่ผิดแผกแตกต่างไปจากห้างแบบกรุงเทพกรุงไทย แทนที่จะใช้เครื่องปรับอากาศ โรงหนังแห่งนี้กลับใช้พัดลมหลายตัวเสียงดังหึ่ง รสชาติแบบท้องถิ่นนี้ยิ่งทวีความหมายขึ้นเมื่อแสงไฟนีออนอาบทัศนียภาพให้เป็นสีนั้นสีนี้ ก่อนจะลงเอยที่สีแดง อันเป็นสัญลักษณ์การเมืองกีฬาสีของประเทศไทย รวมถึงมวลชนคนเสื้อแดงในอีสานด้วย
สายตาแบบตะวันตกคงจะมองว่าฉากเต้นแอโรบิกอย่างพร้อมเพรียงกันนั้นเป็นการบังคับร่างกายและเจตจำนงเสรีของปัจเจกบุคคล เพราะการรับรู้เรื่อง “ตัวตน” แบบตะวันตกนั้นมีพื้นฐานมาจากแนวคิดเรื่องความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ขึ้นกับใคร แต่สายตาแบบไทยนั้นมอง “ตัวตน” ในแบบที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเป็นหมู่คณะมากกว่า คนแต่ละคนทำเหมือนว่าสิ่งที่ตัวเองแสดงออกมีที่มาจากคนอื่นและส่งผลกระทบต่อคนอื่น จังซั่นถ้าเราจะวิเคราะห์แนวคิดเรื่องการพึ่งพาอาศัยกันในทางการเมือง ก็จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของอีสาน และของประเทศไทย ไม่ได้เป็นผลมาจากปัจเจกชนคนเดียวที่เที่ยวใช้อำนาจกดขี่ตามอำเภอใจ แต่เป็นผลมาจากการกระทำซ้ำๆ ต่อๆ กันมาโดยคนทั่วทุกหมู่เหล่าเสียมากกว่า
เสียงของอิสาน
อิฐที่อยู่ในร่างของเก่งพาป้าเจนเดินชมป่าโปร่งอันเคยเป็นที่ตั้งพระราชวังโบราณ ทั้งสองได้เห็นสุภาษิตปริศนาธรรมบนป้ายไม้ที่ตอกติดยึดไว้กับต้นไม้หลากหลายชนิด เช่น “เศรษฐีตัวเท่ามดคนยังเห็น ยาจกตัวเท่าภูเขาไม่มีใครเห็น” ราชาจอมทัพเมื่อสหัสวรรษไกลโพ้นยังมีอำนาจเหนือพลทหารคนยากในยุคปัจจุบัน สามารถดูดพลังชีวิตไปใช้เพื่อการต่อสู้ของตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย เรื่องราวจังซี่หละที่อาจถือเป็นการกรีดร้องแบบมิดจี่หลี่ เสียงของอีสานที่กู่ตะโกนต้านการกดขี่แผ่นดินแห่งนี้
ดูหนัง Cemetery of Splendor (2015) รักที่ขอนแก่น 2015 ดูหนังออนไลน์ หนังไทย หนังฝรั่ง หนังการ์ตูน หนัง18+ หนังเอเชีย ซีรี่ย์เกาหลี หนังชนโรง